AirLumba Recharge Your Back!
top of page

AirLumba Recharge Your Back!

อัปเดตเมื่อ 20 เม.ย. 2566




New Normal Lifestyle ที่ฮิตกันมากขึ้นอีกอย่าง คือ เข้าคอร์สออกกำลังกายออนไลน์ แต่สิ่งที่หลายๆ คนมักจะเจอก็ คืออาการบาดเจ็บต่างๆ บางคนปวดเข่า บางคนปวดหลัง ปวดคอ ฯลฯ


สาเหตุเนื่องมาจากร่างกายของแต่ละคนมีความแข็งแรงในแต่ละส่วนแตกต่างกันไป และคลิปออกกำลังกายต่างๆ มักจะเป็นโปรแกรมมาตรฐานมีความยากง่ายแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าจะเทรนเนอร์ที่คอยให้คำปรึกษาในเรื่องอาหารการกิน ฯลฯ แต่ในขณะออกกำลังกายนั้น เราไม่รู้เลยว่าท่าทางที่ทำนั้นเหมาะสมกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเราหรือไม่ และเราทำท่าทางได้ถูกต้องหรือเปล่า หักโหมมากเกินไปหรือไม่ คุณภาพการนอน พลังงานและสารอาหารที่ได้เราทานนั้นเพียงพอหรือเหมาะสมกับโปรแกรมออกกำลังกายนั้นๆ หรือไม่


วันนี้แอร์ลัมบามีเทคนิค 6 ข้อ ที่ช่วยส่งเสริมให้การออกกำลังกายเองที่บ้านให้ได้สุขภาพดีและเสี่ยงต่อการบาด เจ็บน้อยลง





1. เลือกคลิปวีดีโอ หรือท่าทางออกกำลังกายที่ทำแล้วไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บเกินกำลังของเร แต่ต้องค่อยๆ เพิ่มระดับความเหนื่อยและความยากมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัปดาห์แรกๆ

สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องปวดเข่า ข้อเท้า ขอให้เลือกโปรแกรมออกกำลังกายที่เรียกว่า Low-Impact หรือ ท่าทางการออกกำลังกายที่มีการกระแทกน้อย หลีกเลี่ยงการกระโดดหรือวิ่ง แต่ให้เน้นการยืดกล้ามเนื้อเยอะๆ และหลีกเลี่ยงท่าทางที่นั่งหรือนอนแบบพับเข่าจนสุด ขอให้สังเกตร่างกายของเรา และเลือก ท่าทางการออกกำลังกายที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บเกินไป


สำหรับคนที่ปวดหลัง ขอให้เน้นการยืดกล้ามเนื้อหลัง ค่อยๆ ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงและความ ยืดหยุ่นของ Core Muscles เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อช่วยพยุงกระดูกสันหลัง และรับภาระน้ำหนักกดทับที่ หมอนรองกระดูกได้ดีขึ้น


สรุป คือ ร่างกายส่วนไหนที่ปวดเมื่อยเป็นประจำ แสดงว่ากล้ามเนื้อตึงเกร็ง เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ขาด ความยืดหยุ่น แข็งแรงน้อย ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เรายิ่งต้องดูแลและเนื้อการยืดกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ และบริเวณรอบๆ อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ



2. เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนออกกำลังกาย ไม่ควรอดอาหารโดยเด็ดขาด


ร่างกายควรได้รับพลังงานที่เพียง พอเหมาะสม เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้ และควรนอน หลับพักผ่อนให้เพียงพอ


การอดอาหาร (Fasting) จะส่งผลให้ระบบการเผาผลาญของร่างกาย (Metabolism) ลดลง พูดง่ายๆ คือ การใช้พลังงานในการหายใจของคนที่อดอาหารจะน้อยลง ดังนั้น ยิ่งอดอาหาร ยิ่งอ้วนง่ายขึ้นเมื่อเรากลับมาทานอาหารมากขึ้น


แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ การออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสม เนื่องจากการออกกำลังกายหรือการใช้ชีวิตแบบ Active Lifestyles จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกาย สูตรสำคัญที่ต้องท่องจำให้ดีๆ คือ Energy In Vs. Engery Out



3. เตรียมสถานที่ให้มีอากาศถ่ายเทได้ดี และมีความปลอดภัย


เพราะในการออกกำลังกายนั้น ร่างกายต้องการออกซิเจนเข้าไปช่วยในระบบการเผาผลาญพลังงาน หากออกซิเจนในสมองไม่เพียงพอจะส่งผลให้เกิดอาการวูบ หน้ามืด หรืออารมณ์รู้สึกเหมือนบ้านหมุน นอกจากนั้นการใช้แผ่นรองออกกำลังกาย ผ้ารองซับเหงื่อกันลื่น และรองเท้าผ้าใบที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการออกกำลังกายด้วย หากพื้นที่บริเวณออกกำลังกายเปียกเหงื่อ แนะนำเช็ดตัวให้แห้งเพื่อป้องกันการลื่นล้มบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย




4. เตรียมน้ำดื่มสะอาดสำหรับจิบในระหว่างการออกกำลังกายเพื่อเติมความสดชื่นหลังจากการสูญเสียเหงื่อ


เครื่องดื่มที่ไม่แนะนำในช่วงการออกกำลังกายเลย คือ น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ เช่น ไวน์ เบียร์ เพราะอาจส่งผลอันตรายกับร่างกายถึงขั้นเสียชีวิตได้ เคยมีเคสชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยแล้วเสียชีวิตจากทานกล้วยหอม และดื่มเบียร์ในช่วงที่ออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ และยังมีอีกหลายเคสที่เสียชีวิตในช่วงออกกำลังกาย



5. สิ่งที่สำคัญมากๆ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บของร่างกาย ก็คือการ warm-up และ cool-down ด้วยการยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) กล้ามเนื้อให้ครบทุกส่วนในร่างกายให้เหมาะสมเพียงพอ


โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อที่ใช้งานหนักในช่วงออกกำลังกายจะต้องเน้นเป็นพิเศษ เพื่อลดอาการตึงเกร็ง เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ หากกล้ามเนื้อมีอาการตึงเกร็งจะไม่พร้อมต่อการออกกำลังกาย หรือการใช้ชีวิตที่ต้องออกแรงมากๆ และมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องซ้ำๆ หรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว


ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของร่างกายเราสำคัญมากๆ กับการใช้ชีวิตของเรา หากกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง เพียงพอ หรืออยู่ในสภาวะตึงเกร็ง ไม่พร้อมต่อการเคลื่อนไหวและรับน้ำหนัก ก็จะส่งผลต่อการบาดเจ็บได้ ง่าย และเมื่อบาดเจ็บแล้ว การฟื้นฟูต้องใช้เวลามากๆ อาจจะใช้เวลาเป็นหลายเดือนหรือหลายปี ไม่คุ้มเลย เมื่อเทียบกับการบาดเจ็บภายในเสี้ยววินาที


นอกจากนั้น คนที่มีระดับวิตามิน D ในเลือดต่ำจะส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง บาดเจ็บง่ายด้วย ดังนั้น การออกกำลังกายรับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าช่วงก่อน 7.00 น. ก็เป็นอีก Healthy Lifestyle ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะเป็นช่วงที่จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน D ที่เป็นประโยชน์กับร่างกายจริงๆ





6. ท่าทางการออกกำลังกายที่ต้องมีการเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อออกแรงเคลื่อนไหวกล้ามเน้ือบริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณคอ และหลังส่วนล่าง (บริเวณเอว) ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมประสาทของร่างกาย รวมถึง บริเวณของร่างกายที่ต้องเป็นจุดรับน้ำหนักต่างๆ เช่น หัวเข่า ข้อศอก ข้อมือ ข้อเท้า ฯลฯ มักจะเกิดอาการ บาดเจ็บได้ง่าย โดยเฉพาะอย่าง


ยิ่งสำหรับ Beginner ที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายด้วยตัวเอง เพื่อนๆ สามารถใช้ AirLumba Enlight หรือแผ่นรองที่ช่วยกระจายน้ำหนัก ลดการกดทับ และยังสามารถช่วยเติมเต็มช่องว่างบริเวณคอและหลังส่วนล่าง (เอว) เพื่อป้องกันอาการเกร็งกล้ามเนื้อจากการออกแรง กล้ามเนื้อในส่วนที่มีช่องว่างเวลาออกกำลังกายในท่านอน เช่น ท่า sit-up, knee push-up, planking และอื่นๆ

bottom of page