4 ท่าขับรถสุดฮิต แต่...ผิดทุกท่า!
top of page

4 ท่าขับรถสุดฮิต แต่...ผิดทุกท่า!

อัปเดตเมื่อ 20 เม.ย. 2566


4 ท่าขับรถสุดฮิต แต่...ผิดทุกท่า! ท่าขับรถแบบไหน… ใช่คุณ? . AirLumba ขอรวบรวมท่าขับรถสุดฮิต แต่มีแนวโน้ม “ทำร้ายสุขภาพหลัง” โดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อเรามีพฤติกรรมท่านั่งขับรถแบบที่หลาย ๆ คนถนัด ซึ่งอาจจะถูกใจเรา แต่อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์ของการนั่งขับรถยนต์ ทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ตามร่างกายในขณะขับรถยนต์ จริง ๆ แล้วมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมท่านั่งของเรานี่เอง

วันนี้ AirLumba อยากชวนทุกคนมาเริ่มต้นสำรวจท่าทางขับรถตัวเอง ก่อนจะสายเกินแก้ เพราะสุขภาพหลังสำคัญต่อการใช้ชีวิตในรถ... . ลองเช็คกันดูนะคะ แล้วโพสต์บอกเราทีว่า เพื่อน ๆ มีท่าขับรถแบบไหน อย่าลืมแชร์ให้คนที่คุณรัก เพื่อช่วยกันตรวจเช็คท่าขับรถกันด้วยนะคะ แล้วเราจะมาแชร์วิธีการนั่งขับรถที่ถูกต้องให้เพื่อน ๆ ได้ลองนำไปปรับใช้กัน เพื่อดูแลสุขภาพหลังคุณตลอดการเดินทาง




1. The Rollercoaster เพื่อนๆที่มักโน้มตัวไปข้างหน้าและนั่งหลังตรง เลื่อนเบาะไปด้านหน้าเยอะ ขางอและแขนงอจนข้อศอกเป็นตัววี ส่วนใหญ่จะเป็นคุณผู้หญิงไซส์มินิที่กังวลว่าจะไม่เห็นระยะหน้ารถ รวมถึงมือใหม่หัดขับ อาจมีอาการนั่งเกร็ง ไม่คุ้นเคยกับการเอนพิงสบายๆ หรือยังปรับพนักพิงไม่เข้าที่ หากทำเป็นประจำ มีแนวโน้มจะเกิดอาการปวด : ปวดไหล่ เมื่อยคอ ขาชา กล้ามเนื้อเกร็งทำให้ปวดหลังส่วนล่าง และปวดสีข้างลำตัว




2. The Racer

ท่านี้เป็นของเพื่อน ๆ ที่ชอบขับรถในท่าแขนเหยียดตรง หรือเกือบตรง ปรับเบาะเอนหลังเยอะ ขาค่อนข้างเหยียดตรง ปรับเบาะต่ำ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับนักแข่งรถ แต่อาจลืมสังเกตไปว่าองศาการนั่งเช่นนี้ จะทำให้เกิดช่องว่างบริเวณหลังส่วนล่าง (Lumbar Spine) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะหลัง Unhealthy C-Shape curve ทำให้เกิดแรงกดทับที่หมอนรองกระดูกมากขึ้นและส่งผลให้กระดูกสันหลังโค้งงอคล้ายรูปตัว C


หากทำเป็นประจำมีแนวโน้มจะเกิดอาการปวด : ปวดสีข้างลำตัว และปวดหลังส่วนล่าง




3 .The MultiTasker

ท่าประจำคือท่านั่งหลังตรง แขนงอ ทำกิจกรรมในขณะขับรถ จะมีระยะห่างจากพวงมาลัยเพื่อทำกิจกรรมบางอย่าง ไม่ว่าจะแต่งหน้า ทานอาหาร หรือ มีของวางบริเวณตัก ซึ่งเป็นกิจกรรมทำให้รบกวนสมาธิในการขับรถ ส่งผลต่อความปลอดภัยขณะขับขี่และยังทำร้ายสุขภาพหลังอีกด้วย


หากทำเป็นประจำ มีแนวโน้มจะเกิดอาการปวด : ปวดศีรษะ เมื่อยล้าดวงตา เท้าชา ปวดก้นกบ





4. Mr.Cool

ใครที่ชอบขับรถแบบชิวๆ ปรับเบาะเอนเล็กน้อย แขนวางพาดกระจกหรือยื่นออกไปด้านนอกกระจก และขับรถมือเดียว


หากทำเป็นประจำ มีแนวโน้มจะเกิดอาการปวด : ปวดแขนและไหล่ เพราะกล้ามเนื้อเกร็งจากการวางพาดที่ขอบกระจก อาจจะส่งผลทำให้หลังส่วนล่างทำงานหนักได้เช่นกัน





AirLumba อยากชวนคุณมาเช็คท่านั่งให้ถูกต้องก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ลองปรับการ ”ใช้ชีวิตในรถ...พร้อมดูแลสุขภาพหลัง”

โดยเริ่มจากปรับมุมองศาเบาะขึ้นมา และระยะห่างเบาะกับพวงมาลัยให้พอดี โดยมือจับพวงมาลัย 9 นาฬิกา และ 3 นาฬิกา ให้แขนงอเล็กน้อย ไม่นั่งขับรถแบบแขนตึงมากเกินไป หลังพิงชิดเบาะพิง ระยะหัวเข่าไม่ให้อยู่สูงกว่าระดับสะโพก เพราะน้ำหนักจะเทลงไปที่หลังส่วนล่าง ที่สำคัญ พยายามคอยเตือนตัวเองให้นั่งหลังตรง และขยับสรีระหลังทุก ๆ 30 นาที เพื่อให้หมอนรองกระดูกกระจายน้ำหนัก ไม่ถูกกดทับสะสมเป็นเวลานาน ๆ เพียงเท่านี้การนั่งขับรถของคุณจะได้ดูแลสุขภาพหลังไปด้วย

.

ใช้ชีวิตไปข้างหน้าแบบไม่พะวงหลัง AirLumba I Got Your Back!

bottom of page